วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2

อาณาจักรอิยิปต์



         หลักฐานคือได้มีการก่อตั้งพิพิธพัณฑ์โบราณวัตถุ(historic antiquities) เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าขมในนครบาบิโลน สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ เมื่อ3000ปีก่อน คือในปัจจุบันที่การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆแก่นักเดินทางไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ที่พัก อาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก และเมื่อ 2600 ปีมาแล้วชาวอิยิปต์มีการการจัดงานเทศกาลด้านศาสนา ซึ่งได้มีการค้บพบข้อความของนักเดินทางอิยิปต์เมื่อ 2000 ปีก่อนคริสตกาลด้วย 
         นักท่องเที่ยวชาวกรีกมีการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเมื่อประมาน 300 ปีก่อนคริสตกาลหรือ 2300 ปีมาแล้วจะนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค

อาณาจักรโรมัน


      ชาวโรมันมีการเดินทางกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวโรมันนิยมเดินทางไปพักร้อนยังบ้านพักร้อนบนภูเขา และเมื่อ 80 ปีก่อนคริสตกาลเมืองปอมเปอีกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนมั่งมีทั้งหลาย

มัคคุเทศก์และคู่มือนำเที่ยวในยุคต้น
      
       มีนักเดินทางที่มีความสำคัญชื่อว่า Herodotus ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วง 484 ปี ถึง 424 ปีก่อนคริสตกาลจากบันทึกของเขาทำให้ทราบว่ามัคคุเทศก์ในสมัยนั้นมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานที่และเรื่องราวต่างๆไม่เท่าเทียมกันมีความแตกต่างกันทางด้านข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล และมัคคุเทศก์ในสมัยนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Periegetai และ Exegetai

การท่องเที่ยวในยุคกลาง (ระหว่าง คศ.500-1500)
      
     ตลอดระยะเวลาในประวัติศาสตร์ของยุคกลาง ซึ่งเริ่มจากราวประมาณปีคริสต์ศักราช 500 ถึงปี คริสต์ศักราช 1,400 ชนชั้นกลาง (Middle Class) สูญหายไปในประวัติศาสตร์การค้าขายหยุดชะงักในขณะที่ผู้คนเริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่เงาของความมืดหรือความหวาดกลัวได้เริ่มแผ่เข้าปกคลุมดินแดนต่าง ๆ ในยุโรปเรื่อยมาจนกระทั่งในช่วงของคริสตศักราช 1,500 เป็นต้นมา ยุคมืดก็เริ่มเสื่อมสลาย เมื่อคริสต์ศาสนาได้เริ่มฟื้นฟูขึ้นอย่างช้าๆในประเทศฝรั่งเศสมีการสร้างโบสถ์วิหารทางศาสนายุคใหม่ที่สง่างามซึ่งยังคงเป็นมรดกตกทอดมาถึงนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันนี้

การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18

    ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 คนที่ต้องการเดินทางมีอยู่ 3 วิธี คือ เดินเท้า ขี่ม้า และการใช้เสลี่ยง หรือการใช้เกวียนเทียมด้วยม้า

การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่อาบน้ำแร่

   

      เมืองบาธได้รับฐานะเป็นเมืองมรดกโลกใน ปี ค.ศ. 1987หลังจากที่ ชาวโรมันเข้ามารุกรานเกาะอังกฤษในสมัยปีคริสต์ศักราช 43 พวกโรมันมาถึงเมืองบาธเมื่อปี ค.ศ. 60 ได้สร้างโรงอาบน้ำ The Great Bath และวิหารในชั้นใต้ดินลึกลงไป 2 เมตร และตั้งชื่อเมืองว่า Aquae Sulis สมเด็จพระเจ้าเอ็ดการ์ผู้รักสงบได้ทำพิธีราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษ ที่มหาวิหารบาธในปี ค.ศ.973 และในสมัยจอร์เจียบาธได้กลายเป็นเมืองน้ำแร่ที่ได้รับความนิยมทำให้เมืองขยายตัวและเกิดสถาปัตยกรรมจอร์เจียซึ่งสร้างจากหินบาธที่มีลักษณะเป็นสีเหลืองนวลในเมืองบาธมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ(hot springs)3แห่งด้วยกัน บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดคือที่Roman Sacred Springซึ่งมีน้ำผุดจากใต้ดินลึกประมาณ3000 เมตรในน้ำมีแร่ธาติ43ชนิดและน้ำไหลในอัตราประมาณ 1,250,000 ลิตรต่อวัน

กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล

   ความคิดที่ว่าการอาบน้ำทะเลจะทำให้สุขภาพดีขึ้นเป็นที่ยอมรับกันในตอนต้นของ ทศวรรษที่ 18 ระยะนี้สถานที่ตากอากาศชายทะเลในเกาะอังกฤษก็เริ่มผุดขึ้น เมือง Scarborough เป็นเมืองแรกที่คนนิยมไปบำบัดโรคด้วยน้ำทะเล 

ยุคของเครื่องจักรไอน้ำ : กำเนิดการเดินทางโดยรถไฟ

    ทางรถไฟสายแรกถูกสร้างขึ้นในประเทศอังกฤษปี คศ.1825 ตรงกับมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งมีทางรถไฟเชื่อเมืองใหญ่ๆ และเมืองอุตสาหกรรม และในยุโรปและเกือบทั่วไปในโลก ส่วนใน สหรัฐอเมริกามีบริการรถไฟเริ่มราวทศวรรษ ที่ 1820 และเชื่อมถึงฝั่งตะวันตกเสร็จในปี 1869 ในอังกฤษรถไฟถูกใช้ทั้งการค้าและธุรกิจ Thomas Cook 

เรือกลไฟ

    บริษัทแรกที่เปิดให้บริการเรือกลไฟระยะไกลคือ Pand O เริ่มเปิดเส้นทางไปยังอินเดียและตะวันออกไกล ประเทศอังกฤษเป็นชาติแรกที่เปิดให้บริการเรือน้ำลึก จึงจัดวาเป็นมหาอำนาจทางการขนส่งทางทะเลในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 แต่ก็มีคู่แข่งในทวีปอเมริกาเหนืออีกหลายบริษัท

การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

      ความสนใจของผู้ที่เิดินทางไปต่างประเทศเพิ่งขึ้นในช่วงนี้ เช่น ต้องการที่จะเห็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม การยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปแบบการเดินทาง นั้นก็คือการเดินทางระยะไกลด้วยเครื่องบิน ระยะแรกจึงไม่เป็นที่นิยมนัก




วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวที่ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี


ศูนย์สิรินาถราชินีฯ

          ในปี 2547 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 72 พรรษา ปตท. ได้ดำเนินโครงการเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลนี้ โดยได้จัดทำโครงการศูนย์ เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี ขึ้น ณ พื้นที่แปลงปลูกป่า FPT ที่ 29 และ 29/3 ต. ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแปลงฯที่ ปตท.ร่วมกับประชาชนชาวไทย ประกอบพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายผืนป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2545

           ศูนย์การศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินีนี้ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ในระบบนิเวศป่า ชายเลนสาธารณที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ นอกจากนี้ชุมชนและเยาวชนในพื้นที่ จะได้รับประโยชน์จากการเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ในระบบนิเวศป่าชายเลนสาธารณะที่ ประชาชน ทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำ เช่น ปู กุ้ง หอย ซึ่งเป็น แหล่งอาหารสำหรับการดำรงชีวิตอย่างพึ่งพากันและกันระหว่าง มนุษย์ –สัตว์ –ป่าไม้ อย่างสมดุล


   พื้นที่ของศูนย์ฯแห่งนี้ ก็คือนากุ้งทั้งหมดปราศจากสีเขียว แต่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สีเขียวเมื่อเข้าไปถึงด้านใน ก่อนอื่นต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯซ่ะก่อน เพื่อสอบถามข้อมูล ในการเข้าชม นอกจากนั้นหากไปเป็นหมู่คณะมีการติดต่อไว้ล่วงหน้า ก็จะมีมัคคุเทศก์ ท้องถิ่นซึ่งเป็นเยาวชนในสถานการศึกษาในพื้นที่ อ.ปราณบุรี ซึ่งผ่านการฝึกฝนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมาแล้วโดยจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาคอยให้คำแนะนำผู้ที่เข้ามาเยือน”ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี”



    ต่อมาเป็นเปิดห้องเรียนธรรมชาติ”ส่วนนี้มีหน้าต่างเปิดโล่งให้ได้สัมผัสกับกลิ่นไอของป่าชายเลน พร้อมมีกล้องส่องดูนกไว้ให้ทุกคนที่เข้าไปได้ดูนกป่าชายเลนด้วยสายตาตนเอง พร้อมกับกิจกรรมสนุกๆด้วยสื่อกล่องเสียงและบอรด์พลิกสายใยอาหาร
   
   และมีเรือนโกงกางอาคารไม้หลังใหญ่(ไม่มีรูปนะค่ะ)ด้านในบอกเล่าเรื่องราว”ย้อนตำนานปราณบุรี และวิถีชุมชนปากน้ำปราณ” นำเสนอทั้งรูปของวีดีทัศน์ และภาพถ่ายประกอบ บอกถึงประวัติศาสตร์เมืองปราณบุรี ร้อยเรียงถ้อยคำผ่านคำขวัญประจำเมือง พร้อมกับสมุดบันทึกเล่มใหญ่ที่หากได้เปิดอ่านแล้วต้องทึ่ง ในส่วนจุดที่”สองครัวปากน้ำปราณ ต้นทางอาหารสร้างพลังชุมชน” จุดนี้จะทำให้ทุกคนได้เห็นถึงการนำเสนอในรูปแบบของเทคนิคเมจิกวิชั่น เล่าเรื่องถึงการพลิกฟื้นคืนชีวิตป่าชายเลนปากน้ำปราณด้วยพระบารมี และย้อนรอยประวัติศาสตร์ ครัวปากน้ำปราณกว่า 20 ปี ซึ่งหากใครเคยไปเยือนดอยตุง ก็คงจะได้ทราบถึงการนำเสนอในรูปแบบของเทคนิคเมจิกวิชั่นนอกจากนั้นแล้วยังมีการจัดแสดงข้ามของเครื่องใช้ในครัวเรือนในอดีตศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี มีทั้งหมด7จุดแต่ว่ามีรูปมาไม่ครบค่ะ

    เพื่อเรียนรู้และสัมผัสกับระบบนิเวศในพื้นที่จริง ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1 กม.ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ไม่อยากพลาดโอกาส ...เส้นทางเดินเป็นพื้นปูนราวไม้ไผ่ลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ช่วงนี้ตอนบ่ายน้ำจะลง จะได้แลเห็นรากของต้นโกงกาง ตลอดจนปูก้ามดาบ,ปูแสม,ปลาตีน ของจริงซึ่งอาศัยอยู่ตามพื้นดินในป่าชายเลน และแต่ละจุดก็จะมีป้ายสื่อความหมาย บอกถึงชื่อต้นไม้ชนิดต่างๆที่อยู่ในป่าชายเลนผืนนี้ซึ่งบรรยากาศด้านในไม่ต้อวงพูดถึงร่วมไปด้วยเงาไม้ในป่าชายเลนที่พุ่งชะลูดโผล่ขึ้นไปรับแสงแดดไม่เพียงแต่การชมป่าชายเลนยังได้มีโอกาสพบเห็นประตูระบายน้ำเมื่อครั้งเป็นนากุ้งยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่  

  
     ภาพนี้คือหอสูงค่ะซึ่งมัคคุเทศก์ของทางศุนย์อธิบายว่าเป็นจุดชมวิวที่สูงเท่ากับตึกถึง 6 ชั้น ด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของป่าชายเลนผืนเดินขึ้นบันไดกว่าจึงชั้นบนสุดนับแล้วประมาณ 120 กว่าขั้น ขึ้นไปแล้วหายเหนื่อยจริงๆเพราะข้างบนอากาศค่อนข้างสบาย และยังทอดสายตามองเห็นสภาพป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ของปากน้ำปราณ ได้โดยรอบอีกด้วย จุดนี้ต้องบอกว่าผู้ที่ไปเยือนอย่าลืมพกกล้องติดตัวไปด้วย




นี้คือภาพจากด้านบนเมื่อเราขึ้นหอไปถึงชั้นบนสุดแล้ว เราจะมองเห็นศูนย์ป่าชายเลนได้ทั้งหมดค่ะ



และเดินออกมาด้านนอก บริเวณด้านหน้าเรือนโกงกางเป็นเตาสาธิตการผลิตถ่านและนำส้มควันไม้ ซึ่งมีการนำเสนอในเรื่องของขั้นตอนการเผาถ่านไม้โกงกาง และวิธีการเก็บน้ำส้มควันไม้....นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งที่ได้มีโอกาสไปเยือนและเก็บมาเล่าเรื่องราวบอกต่อให้ทุกคนได้ทราบถึงข้อมูล 
”ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี”






ความหมายของ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว หมายถึง
ความหมายและความสำคัญของการท่องเที่ยว

การเดินทางในลักษณะที่เป็นการเดินทางท่องเที่ยวตามเงื่อนไขสากล ๓ ประการ
1.
เป็นการเดินทางจากที่อยู่อาศัยปกติไปยังที่อื่นเป็นการชั่วคราว
2.
เป็นการเดินทางด้วยความสมัครใจ
3.
เป็นการเดินทางด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตาม ที่มิใช่เพื่อประกอบอาชีพหรือหารายได้

  เมื่อเอ่ยถึงคำว่า "ท่องเที่ยว" ในปัจจุบันเรามักมองเห็นภาพชาวต่างชาติประเทศสะพายกล้องถ่ายรูปเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่บ้างเล็กบ้างอยู่ตามวัด วัง โบราณสถาน หรือนุ่งน้อยห่มน้อย อาบแดดอยู่ตามชายหาด และอีกจำนวนไม่น้อยที่ไปเที่ยวชมป่าเขาลำเนาไพร เรามักมองเห็นว่าชาวต่างประเทศเหล่านี้ได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทางไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ค่าซื้อของที่ระลึก โดยที่เราอาจไม่ได้คิดว่านั้นเป็นการนำเงินตราเข้าประเทศของเรา  ในขณะเดียวกันเราก็มักจะไม่ได้คิดถึงคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ภายในประเทศทั้งๆ ที่นักท่องเที่ยวคนไทยเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เพราะการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ภายในประเทศเป็นการผ่อนคลายความเครียดพร้อมๆ กับการได้รับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ได้เห็นภูมิประเทศที่แปลกตาและได้สร้างความสัมพันธ์กับคนต่างถิ่นด้วย 


  เมื่อการคมนาคมสะดวก การเดินทางท่องเที่ยวอาจเป็นความนิยม ธุรกิจต่างๆ ก็เกิดขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวมากมาย ธุรกิจการค้าของที่ระลึกธุรกิจเหล่านี้ขายบริการให้กับตัวนักท่องเที่ยวเอง และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องทางอ้อม เช่น การก่อสร้างบ้านเพื่อส่งร้านค้าของที่ระลึก เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้ก่อให้เกิดงานอาชีพใหม่ๆ และการกระจายเงินตราซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั่นเอง

องค์ประกอบของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว


อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งมีลักษณะของกระบวนการผลิตเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมทั่วไป มี

1.
โรงงาน ได้แก่ อาณาบริเวณที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน เป็นบริเวณที่เข้าถึงได้ไม่ยาก มีสถานที่พักและบริการที่สะดวกพอสมควรสำหรับการพักอยู่ชั่วคราว
2.
วัตถุดิบ   ได้แก่ ทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่ชักจูงใจให้นักท่องเที่ยวสนใจมาชม
3.
การลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ มีการลงทุนสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ เช่น ที่พัก ร้านอาหาร สถานพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น
4.
การใช้แรงงานเพื่อสร้างสาธารณูปโภค การผลิตสินค้าและบริการ
5.
ผลิตผล   ได้แก่ บริการของธุรกิจที่ประกอบกับเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ภัตตาคาร บริษัทนำเที่ยว เป็นต้น
6.
การส่งเสริมการขาย มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ผลิตผลเป็นที่รู้จักแพร่หลายมีการรณรงค์ให้เกิดความต้องการซื้อผลิตผลเหล่านี้ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ

 จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เปรียบอุตสาหกรรมอื่นๆ ตรงที่วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจะไม่สิ้นเปลืองสูญหาย หากมีการควบคุมป้องกันด้วยการวางแผนพัฒนาอย่างมีระบบ อีกทั้งยังไม่ต้องลงทุนด้านการขนส่งเพื่อนำผลผลิตออกไปขาย แต่ผู้ซื้อจะเดินทางมาซื้อถึงที่ จึงกล่าวได้ว่าการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ลงทุนไม่มากแต่ผลตอลแทนสูงและในระยะสั้น

จากการเปรียบเทียบให้เห็นถึงกระบวนการผลิตจะเห็นว่า ผลิตผลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือ บริการซึ่งลูกค้าจะเลือกซื้อตามความพึงพอใจ ปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าเกิดความพอใจและตัดสินใจเลือกซื้อบริกามีดังนี้
1.
แหล่งท่องเที่ยว หรือทรัพยากรการท่องเที่ยว หมายถึง สถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมและวัฒนธรรมประเพณี ที่สามารถดึงดูดความสนใตให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน
2.
การคมนาคม เมื่อผู้ซื้อเดินทางมาซื้อบริการถึงที่ผลิต การคมนาคมขนส่ง ทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศต้องสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้ง ๓ ทาง คือ ทางบกมีถนนที่พาหนะต่าง ๆ ผ่านเข้าออกได้สะดวกหรือมีบริการรถไฟ ทางน้ำมีท่าเทียบเรือและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ทางอากาศมีทางอากาศยานทันสมัย มีสายการบินมาลงมาก
3.
พิธีการเข้าเมืองและบริการข่าวสาร มีการผ่อนคลายระเบียบพิธีการเข้าเมืองให้สะดวก รวดเร็วมีบริการให้ข่าวสาร บริการจองที่พัก บริการขนส่งที่พัก เป็นต้น
4.
ที่พัก มีโรงแรมระดับต่าง ๆ ให้เลือก มีอัตราค่าพักเหมาะสมกับคุณภาพ สะอาด และมีบริการตามมาตรฐานสากล
5.
ร้านอาหาร นอกจากจะมีอาหารให้เลือกหลายชนิดแล้ว จะต้องถูกสุขลักษณะมีบริการที่สุภาพและมีการกำหนดราคาอาหารให้แน่นอน
6.
บริการนำเที่ยว มีบริการจัดนำเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีมัคคุเทศก์ที่มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีอัธยาศัยไมตรี และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
7.
สินค้าที่ระลึก จะต้องมีคุณภาพ กำหนดราคา รวมทั้งการส่งเสริมการใช้วัสดุพื้นบ้าน การออกแบบสินค้าให้มีเอกลักษณ์ รวมทั้งการบรรจุหีบห่อที่สวยงาม
8.
การโฆษณาเผยแพร่ เป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นกรรมวิธีที่จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวของเราเป็นที่รู้จักและสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ

         การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะต้องดำเนินการควบคู่กัน ๒ ประการ คือ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและบริการกับการดำเนินงานการตลาด ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมผลิตอื่นๆ ให้เห็นได้ชัดคือ การพัฒนาตัวสินค้าให้มีคุณภาพสมราคา ซึ่งจะต้องทำพร้อมๆ กันการโฆษณาสินค้าให้เป็นที่รู้ใจผู้ซื้อนั้นเอง การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ก่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากที่สุด จึงต้องมีการวางแผนกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนวทางและมาตราการดำเนินการที่จะทำให้การขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรการส่งเสริมการตลาดที่มีระบบและการประกอบธุรกิจที่มีระเบียบมีความเป็นธรรม



บทบาทของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจของประเทศ

1.
การท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
2.
รายได้จากการท่องเที่ยวจะมีผลทวีผลในการสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจะทำให้ผลผลิตส่วนรวมของประเทศมีค่าทวีกว่า ๒ เท่าตัว
3.
การท่องเที่ยวก่อให้เกิดการหมุนเวียนและการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ มีการสร้างงานสร้างอาชีพ และยังเป็นการกระจายรายได้อย่างแท้จริง
4.
ในรูปของการผลิตสินค้าพื้นเมืองและสินค้าของที่ระลึก ตลอดจนการให้บริการในท้องถิ่นนั้นๆ
5.
การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่สิ้นเปลืองวัตถุดิบ ผลผลิตขายได้ทุกเวลาสุดแล้วแต่ความเหมาะสม และความสามารถของผู้ขาย
6.
การท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตเป็นวงจรหมุนเวียนภายในประเทศ ทำให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นการลดการว่างงาน ส่งผลให้รัฐบาลได้รับรายได้ในรูปของภาษีอากรประเภทต่างๆ

ประโยชน์ที่ท้องถิ่นจะได้รับจากการท่องเที่ยว


การสร้างงานสร้างอาชีพ  โดยจะแยกลักษณะงานออกเป็น ๒ ลักษณะ


1.  
งานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยตรง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม บริษัทนำเที่ยว สายการบิน มัคคุเทศน์  ภัตตาคาร  ร้านอาหาร สถานเริงรมย์ การประกอบการขนส่งผู้โดยสาร นอกจากนั้นยังมีงานที่เห็นได้ชัดมาก คือการผลิตสินค้าของที่ระลึกหรือสินค้าพื้นเมือง เช่น การทอผ้า เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
2.
งานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางอ้อม ได้แก่ งานด้านการก่อสร้าง เช่น อาคารที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า งานด้านกสิกรรม เช่น ปลูกผัก เลี้ยงไก่ขายให้โรงแรม เป็นต้น


การกระจายรายได้


        เมื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ก็ต้องใช้จ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าพาหนะในประเทศ ค่าใช้จ่ายบันเทิง ซื้อของ และอื่นๆ ซึ่งทำให้เกิดการหมุนเวียนให้ท้องถิ่น ซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอันจะเป็นผลต่อเนื่องไปถึงความอยู่ดีกินดี และยกมาตรฐานการครองชีพให้สูงขึ้นได้


การพัฒนาสาธารณูปโภค


อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังมีบทบาทต่อการลงทุนพัฒนาด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในท้องถิ่นดังจะเห็นได้ว่า ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากจะต้องมีความสวยงามตามธรรมชาติมีศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังจะต้องมีความสะดวกสบายในการเดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว มีน้ำสะอาดใช้ สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้บ้างพอสมควร มีบริการติดต่อสื่อสารที่สะดวก รวดเร็ว เหล่านี้เป็นองค์ประกอบหรือปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวควบคู่ไปกับความงามล้ำค่าของทรัพยากรการท่องเที่ยว

 แม้ว่าการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะจัดให้มีขึ้นโดยมีสาเหตุเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจในสาขาสำคัญอื่นๆ ก็ตามแต่ก็ยังมีอีกหลายกรณีที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างถนน สนามบินขนาดใหญ่ การสื่อสารโทรคมนาคม การไฟฟ้า การประปา ในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญเติบโต และประชาชนในท้องถิ่นได้รับความสะดวกสบายไปพร้อมๆ กัน
 
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย




บทบาทหน้าที่


พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว


พ.ร.บ. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒


พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๓๕

ปัญหาของการท่องเที่ยวและแนวทางแก้ไขปัญหา




ด้านกายภาพ


ด้านสังคม


ด้านวัฒนธรรมประเพณี